วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 สถานที่ยอดนิยมของเมืองไทย

สมัยนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว สำหรับ พิธีการฉลองวิวาห์ หรือที่ในภาษาบ้าน เราเรียกกันว่า ‘ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์’ (Honey Moon) นั่นเอง ตำนานในแถบยุโรปเหนือได้กล่าวถึงธรรมเนียมการ Honeymoon หรือการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ว่า เป็นคำเปรียบเปรยชีวิตคู่ เสมือนการขึ้นลงของพระจันทร์ ทั้งนี้เพราะในช่วงเดือนแรกของการแต่งงานนั้น บรรยากาศแห่งรักย่อมหวานหอมประดุจน้ำผึ้งนั้นเอง ส่วนในบางตำนานก็กล่าวว่าเป็นประเพณีในเดือนแรกที่คู่แต่งงานใหม่ต้องดื่ม เหล้าน้ำผึ้ง เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของร่างกาย กระทั่ง มาถึงศตวรรษที่ 19 หลังพิธีแต่งงาน คนยุโรปที่มีเงิน มักจะนิยมเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ไม่ได้มาร่วมงานแต่งตาม เมือง หรือประเทศต่างๆ และถือเป็นการท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายไปในตัวด้วยนั่นเอง

สถานที่ยอดนิยมในเมืองไทย


1. อ่าวมาหยา เกาะพี พี จังหวัดกระบี่
เลื่องชื่อแห่งท้องทะเลกระบี่ที่โด่งดังเป็นที่ประจักษ์กับสายตาชาวโลกมาแล้ว ธรรมชาติงดงามลงตัว ทั้งชายหาดขาว น้ำทะเลใส วิวสวย และเป็นอ่าวที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในแนวกำบังของกำแพงผา ทำให้อ่าวมาหยาเหมาะอย่าง ยิ่งกับการใช้เวลาที่แสนสงบ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และเผยความในใจกับคู่รักแบบมีสายลม แสงแดด และภูผา เป็นพยานก็โรแมนติกไปอีกแบบ
ทั้งนี้เกาะพีพีได้จัดเป็นเกาะที่มีความสวยงาม ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โดยมีเอกลักษณ์ คือ การโค้งของอ่าวที่ตีวงเข้าหากัน และมีหาดทรายคั่นตรงกลาง นอกจากนี้ เกาะพีพียังเป็นที่นิยมของนักท่องเทียวที่จะมา ดำน้ำ เพื่อจะดูปะการังอีกด้วย



2. ทะเลแหวก จังหวัดกระบี่
ทะเลแหวกเป็นสันทรายที่โผล่ออกมาหลังจากน้ำทะเลลดระดับลง  ทะเลแหวก มีลักษณะพื้นที่ซึ่งติดกันระหว่าง 3 เกาะ คือเกาะไก่ เกาะทับ และเกาะหม้อ ทั้ง 3 เกาะนี้มีสันทรายเชื่อมถึงกัน ซึ่งจะเห็นสันทรายจะโผล่ขึ้นมาเหมือนแนวสันทรายแหวกน้ำทะเลตอนที่น้ำลด และหายไปในตอนที่น้ำขึ้น ทะเลแหวกมีหาดทรายขาวสะอาด เพราะน้ำที่ท่วมสันทรายได้กวาดใบไม้ และขยะไปกับทะเล ควรมาเที่ยวชมในช่วงเวลาที่น้ำทะเลลดลงต่ำสุด โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการฮันนีมูนของคู่บ่าวสาวก็ คือ ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นพฤษภาคม นั่นเอง

3. ดอยอ่างขาง สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย
ตั้งอยู่ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่  นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคู่รัก ซึ่งมีจุดเด่นเฉพาะตัวตรงที่อากาศเย็นสบายตลอดปี และยังมีบรรยากาศของธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย นอกจากนี้มี “สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง” อันเป็นอาคารไม้ดอกเมืองหนาว มีสวนดอกไม้ซึ่งจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะ ‘สวนแปดสิบ’ ที่สวยงามมากจนเป็นที่ยกย่องว่าเป็นเสมือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยทีเดียว สำหรับผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวหมู่บ้านชาวเขาที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ ก็มีมากมายเช่นกัน เป็นต้นว่า หมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอดำและมูเซอแดง ก็จะได้พบกับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีสินค้าเกษตร และของที่ระลึกฝีมือชาวบ้านให้เลือกซื้อ หรือจะไป หมู่บ้านนอแล ของชนเผ่าปะหล่อง หรือดาละอั้ง ก็จะมีไกด์เด็กน้อยคอยพาชมทิวทัศน์ และเล่าเรื่องราวของชนเผ่าให้ฟัง


4. เกาะช้าง แห่งทะเลตะวันออก
เกาะช้างตั้งอยู่ในพื้นที่ จ. ตราด นับเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยรองจากเกาะภูเก็ต และเป็นหมู่เกาะที่มีเกาะบริวารมากถึง 52 เกาะด้วยกัน ซึ่งมีชายหาดที่น่าสนใจ เช่น หาดทรายขาว หาดไก่แบ้ ซึ่งเป็นหาดที่สวยงาม มีโรงแรมรีสอร์ท และร้านอาหารอยู่มากมาย ส่วนคู่รักที่ชอบอาหารทะเลแบบสด ๆ และราคาถูกต้องมาที่ หมู่บ้านชาวประมงบางเบ้า ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ปลายเกาะช้าง นั่นเอง  ปัจจุบันนอกจากเกาะช้างแล้ว เกาะต่าง ๆ ซึ่งรวมอยู่ในหมู่เกาะช้าง ก็กำลังเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ทั้งเกาะกูด เกาะหวาย เกาะหมาก เกาะขาม เกาะกระดาด ซึ่งหลายๆ เกาะในหมู่เกาะช้าง ต่างก็มีทะเลและปะการังที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง

5. เกาะตะรุเตา เกาะงามแห่งอันดามัน
ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ได้รับความสนใจจากคู่รักในการมาเที่ยวพักผ่อนอยู่เสมอ เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามคงอยู่ในระดับที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ จนได้รับยกย่องให้เป็นมรดกแห่งอาเซียน โดยหมู่เกาะตะรุเตานี้ประกอบเกาะอีก 51 เกาะ ซึ่งมีเกาะขนาดใหญ่อยู่ 2 เกาะด้วยกันคือ เกาะตะรุเตา และ เกาะอาดัง-ราวี ซึ่งที่ตะรุเตานี้จะมีมุมโรแมนติกอยู่หลายมุมให้คู่รักได้สวีทกัน เช่น อ่าวพันเตมะละกา ซึ่งมีหาดทรายขาวสะอาด และเป็นแหล่งชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยงาม ใกล้ๆ กันนั้นก็จะมีจุดชมวิวทิวทัศน์ของเกาะชื่อ “ผาโต๊ะบู” ส่วนเกาะอื่น ๆ ก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน ทั้งเกาะอาดัง-ราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะกลาง และเกาะไข่ บริเวณนี้มีแนวปะการังที่สวยงามมาก โดยเฉพาะเกาะไข่นั้นมีซุ้มประตูหินธรรมชาติ ที่โดนกัดกร่อนจนทะลุเหมือนเป็นประตู กลายเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล คู่รักหลายๆ คู่นิยมมาจูงมือกันเดินลอดประตูหินแห่งนี้
6. หมู่เกาะเหลาเหลียง จ.ตรัง
ประกอบด้วยเกาะ 3 เกาะ เกาะเหลาเหลียงพี่ เกาะเหลาเหลียงน้อง และเกาะตะเกียง ทั้ง 3 เกาะ เป็นเกาะสัมปทานรังนก ดังนั้นเมื่อทำการท่องเที่ยวจึงมี เจ้าของเพียงเจ้าเดียว คือเจ้าของสัมปทานรังนกที่ลงมาทำการท่องเที่ยวเอง สิ่งที่ทำให้รายการท่องเที่ยวของเกาะเหลาเหลียงเป็นที่รู้จักคือความ สมบูรณ์ของเกาะทั้งสาม นับตั้งแต่หาดทรายขาวสะอาด หน้าผาและโขดหินที่สวยงาม น้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกตและใสสะอาด รวมทั้งเหล่าปะการังแข็ง ปะการังอ่อนแน่นขนัดที่เกาะตะเกียงด้วย เป็นสวรรค์ขอคู่ฮันนีมูนแท้ๆ เลยนะคะที่พัก ก็มีให้เลือกกันได้หลายที่ตามสะดวกค่ะมีทั้งที่พักในเมืองตรัง



7. ปาย เมืองหุบเขาแห่งสามหมอก
อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อ.ปาย มีชื่อเสียงมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับจุดน่าสนใจของ  อ.ปาย นั้นก็อยู่ที่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ อากาศที่เย็นสบาย ความสงบของชุมชน และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่รีบร้อน ซึ่งมีทั้งชาวไทยใหญ่ และชาวไทยภูเขาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับผู้ที่มาเที่ยวเมืองปาย สามารถเช่ารถจักรยาน หรือรถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวรอบเมืองได้ โดยแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณนั้นคือ บ่อน้ำพุร้อนท่าปาย ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 80 องศาเซลเซียส หรือจะไปสักการะ เจดีย์พระธาตุแม่เย็น ที่วัดแม่เย็น แล้วแวะชมทิวทัศน์ของเมืองปายจากบนนี้ก็ได้




8. ภูชี้ฟ้า ทะเลหมอกเลื่องชื่อ
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสุดท้ายสำหรับคู่รักก็คือ ภูชี้ฟ้า ในจังหวัดเชียงราย โดยลักษณะเด่นของภูแห่งนี้ คือเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร มีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว ความสวยงามและโรแมนติกของภูชี้ฟ้าถือว่างดงามไม่แพ้ที่อื่นๆ โดยเฉพาะยามเช้ามืดช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้น ในวันฟ้าเปิดและอากาศหนาวเย็น นักท่องเที่ยวจะได้เห็นถึงสีสันของดวงอาทิตย์ยามเช้าที่แย้มกลีบเมฆโผล่พ้นขอบฟ้า ขึ้นมา ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ หลังจากนั้นที่เบื้องล่างก็จะเต็มไปด้วยทะเลหมอกขาวโพลน ลอยละล่องเป็นที่ประทับใจของใครหลายๆ คน


9. ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” เป็นพื้นที่โครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเห็นว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่า จึงให้รวมชนกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ และสร้างความมั่นคงแนวชายแดนตลอดไป
ปางอุ๋งมีพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกัน “ปาง” คือ ที่พักของคนทำงานในป่า ส่วน “อุ๋ง” หมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะน้ำขัง ก็น่าจะหมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำ ภาพสวยงามของไอหมอกที่ลอยเหนือทะเลสาป กับบรรยากาศอันหนาวเหน็บในยามเช้า ทำให้ปางอุ๋ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาแรง สุดแสนโรแมนติกติดอันดับต้น ๆ ของแม่ฮ่องสอน ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบาง ๆ ยิ่งเป็นภาพที่ สร้างความประทับยากจะลืมเลือน แม้ในกระทั่งเวลาที่หมอกเลือนลางหายไปก็ยังคงความงาม เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียวสำหรับคู่ฮันนีมูนที่ชอบอากาศหนาว เย็นแสนบรรยากาศโรแมนติก


10. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา
เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร ติดกับพม่า ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) เป็นหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์สวยงามมาก มีปลาสีสันต่างๆ มากมาย เหมาะสำหรับชมปะการังน้ำตื้น โดยเฉพาะเกาะไข่ ส่วนบริเวณที่เหมาะจะดำน้ำลึก คือ กองหินริเชลิว อยู่ห่างจากเกาะสุรินทร์ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 10 กิโลเมตร เป็นแหล่งที่สมบูรณ์ด้วยธรรมชาติใต้ทะเล มีปลาหลายพันธุ์ ปะการังสีสวย และเป็นจุดที่มีโอกาสพบฉลามวาฬ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล ช่วงเวลาที่เหมาะจะเดินทางท่องเที่ยว คือ เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน ส่วนเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคมนั้น เป็นช่วงที่มีลมมรสุม ฝนตกชุก คลื่นลมแรง ไม่เหมาะจะมาท่องเที่ยวค่ะ